แชร์

ORI ปลื้ม Q2/2565 คว้ากำไร All Time High กว่า 1,155 ล้าน เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.15 บาทต่อหุ้น ดีเดย์กันยานี้ แบ็คล็อกแกร่ง 37,588 ล้าน ทยอยโอนต่อเนื่อง หนุนโอกาสคว้ารายได้รวมตามเป้า

“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” โชว์ผลประกอบการ Q2/2565 คว้ากำไรสุทธิ All Time High 1,155 ล้าน เติบโตทั้ง QoQ และ YoY พร้อมอัตรากำไรสุทธิ ทะลุ 28% หลังเมกะโปรเจกต์ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” เริ่มทยอยโอนตามแผน และธุรกิจบ้านจัดสรรทำ All Time High ทั้งพรีเซล ยอดโอนกรรมสิทธิ์ รายได้รวม และกำไรสุทธิ เล็งจ่ายปันผลระหว่างกาล หุ้นละ 0.15 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 26 สิงหานี้ ด้านแบ็คล็อกภาพรวมแกร่ง 37,588 ล้าน ครึ่งปีหลังจ่อโอนตระกูลพาร์ค ออริจิ้นและ
ดิ ออริจิ้น ต่อเนื่อง คาดหนุนรายได้ตามเป้า 17,500 ล้าน จัดทัพผู้บริหารขับเคลื่อนแผน Origin Multiverse ตั้ง “ปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์” ขึ้นแท่น Co-CEO ของกลุ่ม กุมบังเหียน New Business พร้อมดึง “ปิติ จารุกำจร” นั่งแท่น CEO วัน ออริจิ้น

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 (เม.ย.-มิ.ย.2565) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 4,102 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,155 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (%QoQ) และเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2564 (%YoY) ถึง 57% และ 36% ตามลำดับ ถือเป็นกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (All Time High) ขณะเดียวกัน มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 28% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ กำไรสุทธิดังกล่าว เป็นผลมาจากความสามารถในการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยทั้งกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมและกลุ่มโครงการบ้านจัดสรรได้อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม มีโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ 12,000 ล้านบาท อย่างพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor) และโครงการดิ ออริจิ้นอ่อนนุช (The Origin Onnut) เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรกในไตรมาสนี้ อีกทั้งยังมีโครงการดิ ออริจิ้น ราม 209 อินเตอร์เชนจ์ (The Origin Ram 209 Interchange) ที่ทยอยโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2565 ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI มีผลประกอบการในระดับ
All Time High ทั้งพรีเซล ยอดโอนกรรมสิทธิ์ รายได้รวม และกำไรสุทธิ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีโครงการใหม่ที่เพิ่งเริ่มโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรกถึง 4 โครงการ

นอกจากนี้ จากผลการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพและความสามารถในการปรับตัวให้พร้อมรับมือทุกความท้าทาย ส่งผลให้กลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการร่วมทุน (Joint Venture Project) กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมานี้ มีโครงการร่วมทุนกับทั้งพันธมิตรญี่ปุ่น ฮ่องกงและในประเทศ เพิ่มขึ้นอีก 5 โครงการ มูลค่ารวม 9,885 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการที่ร่วมทุนกับโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ 1 โครงการ คือ โครงการพัฒนาคอนโดมิเนียม ดิ ออริจิ้น เพลย์ ศรีอุดม สเตชั่น (The Origin Play Sri Udom Station) 2.โครงการที่ร่วมทุนกับโลฟิส (ไทยแลนด์) 2 โครงการ ได้แก่โครงการพัฒนาคอนโดมิเนียม ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สิรินธร สเตชั่น (Origin Plug & Play Sririndhorn Station) และโครงการพัฒนาบ้านจัดสรร บริทาเนีย อมตะ-พานทอง (Britania Amata-Phanthong) และ 3.โครงการที่ร่วมทุนกับ โตคิว แลนด์ เอเชีย อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาคลังสินค้า แอลฟา บางนา กม.19 (Alpha Bangna KM.19) และ แอลฟา รังสิต (Alpha Rungsit) ซึ่งเป็นการร่วมทุนครั้งแรกของกลุ่มบริษัทในธุรกิจพัฒนาคลังสินค้า

จากผลการดำเนินงานที่ยังรักษาระดับการเติบโตได้อย่างมั่นคง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับกำไรสะสมและผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 65 ในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้นไม่เกิน 368 ล้านบาท โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 สิงหาคม 2565 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 29 สิงหาคม 2565 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 13 กันยายน 2565

นายพีระพงศ์​ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 (2H/2565) นั้น โครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะยังคงทยอยโอนอย่างต่อเนื่องตามแผน ขณะเดียวกัน จะเป็นช่วงที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี และโครงการพาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน มูลค่าโครงการรวม 7,600 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) เฉลี่ยถึง 97% ของมูลค่าโครงการ ขณะที่ภาพรวมบริษัทยังมีแบ็คล็อกทั้งกลุ่มรวมโครงการ JV และ Non-JV มูลค่ารวมกว่า 37,588 ล้านบาท คาดว่าจะมีส่วนสำคัญให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นไปตามเป้าหมาย และส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 17,500 ล้านบาทตามเป้า

“กำลังซื้อด้านอสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภค มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงสถานการณ์ COVID-19 ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยออริจิ้นยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องทำเล คุณภาพ และความเข้าใจผู้บริโภค ส่งผลให้โครงการยังคงได้รับความไว้วางใจและมีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง” นายพีระพงศ์ กล่าว

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้แผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล หรือ แผน Origin Multiverse ขับเคลื่อนไปได้อย่างแข็งแกร่งและราบรื่น บริษัทได้แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง 2 ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งใหม่ ประกอบด้วย นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ร่วมดูแลออริจิ้นกรุ๊ป และขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจใหม่ (New Business) ที่เกี่ยวข้องกับเมกะเทรนด์ระยะยาว และนายปิติ จารุกำจร ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ดูแลภาพรวมของกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) ได้แก่ โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์
ธุรกิจอาคารสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก ตลอดจนการนำพาบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายปิติ จารุกำจร : ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด

ที่ผ่านมา นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ถือเป็นผู้บริหารคนสำคัญของเครือออริจิ้น ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) และกลุ่มธุรกิจใหม่ (New Business) รวมถึงการเจรจาและพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ การพัฒนาความร่วมมือกับโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์, โตคิว แลนด์ เอเชีย และ Ci:z Investment LLP พันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น จีเอส อีแอนด์ซี พันธมิตรอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ โลฟิส พันธมิตรจากฮ่องกง และพันธมิตรแลนด์ลอร์ดในประเทศ ได้แก่ บุญภา 2020 และแอสเซท บลูม การพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจบริการสุขภาพ (Healthcare) การร่วมทุนกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ขณะที่นายปิติ จารุกำจร ถือเป็นผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนานกว่า 19 ปี และมีความชำนาญหลากหลายที่จะช่วยนำพาให้วัน ออริจิ้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ : ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย

  1. ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 105 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 2/2565) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 161,500 ล้านบาท
  2. ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก
  3. ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์
  4. ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร

แท็กที่เกี่ยวข้อง

บทความเรื่องราวที่น่าสนใจ

“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ปลื้มออกบูธงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 45 เพียง 4 วัน คว้ายอดขายกว่า 550 ล้าน แบรนด์คอนโดลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น…
ด้วยกระแสความนิยมอันร้อนแรงของรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังหลั่งไหลและทยอยเข้าสู่ประเทศไทยเรื่อยๆ เชื่อว่าหลายคนที่ได้เห็น ได้ไปสัมผัสของจริงและได้ไปทดลองใช้ หรือทดลองขับมาแล้ว คงเทใจและกำลังตัดสินใจเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์สันดาปอย่างแน่นอน แต่สำหรับคนที่อาศัยคอนโดคงเกิดความสงสัยไม่น้อยว่าถ้าอยู่คอนโดแล้วจะชาร์จรถอย่างไรดี ต้องติดตั้งหัวชาร์จ EV Charger เองไหม หรือจะมีปัญหาอะไรบ้างที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม…
คุณภาพชีวิตของเราจะดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับ “ผังเมือง” คงไม่เกินจริงนัก เพราะทุกมิติการใช้ชีวิตของเราล้วนเชื่อมโยงกับโครงสร้างหลักทั้งด้านสาธารณูปโภค คมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งนักออกแบบ นักลงทุน หรือนักพัฒนาอสังหาฯ คงคุ้นเคยกับคำนี้เป็นอย่างดี แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้คร่ำหวอดอยู่ในวงการที่ดินหรือแวดวงอสังหาริมทรัพย์…
เพราะช่วงเวลาหลังเลิกงานเป็นช่วง Primetime ที่เหมาะกับการเปิดตี้ หรือหาที่นั่งแชร์บทสนทนาดีๆ กับแก๊งเพื่อนมากที่สุด โดยเฉพาะจุดแฮงค์เอาท์ติดรถไฟฟ้าอย่างย่านราชเทวี อีกหนึ่งจุดรวมตัวของชาวแก๊งที่เดินทางง่าย ไม่ต้องเผื่อเวลารถติดหลังเลิกงาน ทั้งยังเป็นย่านคอนโดที่วัยทำงานและนักศึกษารวมตัวกันอย่างหนาแน่นอีกแห่งหนึ่ง ทำให้ ‘ราชเทวี’…
หากพูดถึงร้านอาหารไว้ฝากท้องช่วงหลังเลิกงานแบบฟินๆ เชื่อว่าราชเทวีคือหนึ่งในหมุดที่หลายคนต้องปักพินเซฟเก็บลงเครื่องไว้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านราชเทวี เพราะนอกจากจะใกล้แหล่งร้านอาหารหลากหลายสไตล์ ยังรายล้อมด้วยคอมมูนิตี้อีกมากมายในทำเลเดียว ใครที่ยังไม่รู้ว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี ชวนเพื่อนไปหาของกินที่ร้านอาหารแถวราชเทวีกันได้เลย! ปักหมุด 10 ร้านอาหารทำเลราชเทวี ร้านนี้สิต้องไปลอง!…
แจ้งวัฒนะ เป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และยังเป็นทำเลที่มีการประเมินราคาที่ดินสูงที่สุดในทำเลย่านชานเมือง มีการใช้พื้นที่และพัฒนาที่ดินแบบผสมผสาน (Mixed use) ทั้งยังแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตแบบครบวงจร ด้วยเหตุนี้จึงดึงดูดผู้คนเข้ามาลงหลักปักฐานที่ทำเล “แจ้งวัฒนะ” กันมากขึ้น แต่รู้หรือไม่ทำเลแจ้งวัฒนะยังมีจุดเด่นอีกหลายข้อ…